Sacramento Heritage Lifestyle 4 เรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยว “กระดาษชำระ” ที่เราไม่เคยรู้จากที่อื่นอย่างแน่นอน

4 เรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยว “กระดาษชำระ” ที่เราไม่เคยรู้จากที่อื่นอย่างแน่นอน

4 เรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยว “กระดาษชำระ” ที่เราไม่เคยรู้จากที่อื่นอย่างแน่นอน post thumbnail image

กระดาษชำระ กระดาษสีขาว ๆ  ที่เราใช้อยู่ทุกวันนั้นท่านรู้หรือไม่ครับว่ากระดาษชำระ เองก็มีเรื่องราวที่เราอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ ดังนั้นในบทความนี้เราอยากจะขอพูดถึงเรื่องราวที่เราอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ กระดาษชำระ มาบอกกันครับ เชื่อเลยว่าทุกคนจะต้องยังไม่รู้อย่างแน่นอน  

กระดาษชำระผืนแรก  

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่น่าเชื่อถือว่า ชนชาติแรกที่นำกระดาษ มาใช้นั้นคือ “ชาวจีน” โดยมีหลักฐานว่าชาวจีนนั้นใช้กระดาษเพื่อเป็นบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ราว 200 ปี ก่อน คริสตกาล ลุคลที่มีการนำกระดาษชำระมาใช้นั้นคือ องค์จักรพรรดินั้นเอง  

กระดาษชำระทำมาจากอะไร  

กระดาษชำระนั้นวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้เกิดเป็นกระดาษชำระนั้นคือ  เบื่อกระดาษ โดยเป็นเยื่อกระดาษ ที่ได้จากกระบวนการคัดแยก เยื่อจากต้นไม้เวียนใหม่  

กระดาษชำระเคยเจ๊งมาแล้ว  

เมื่อประมาณ พ.ศ 2400 นายโจเซฟ กาเย็ตตี้ (Joseph Gayetty) นักธุรกิจชาวอเมริกันได้นำกระดาษชำระมาวางออกจำหน่าย แต่กับล้มเหลวไม่เป็นท่า เรียกว่าเจ๊งแบบอย่างเห็นได้ชัด เพราคนสมัยนั้นคิดว่าทำไมจะต้องเสียเงินเปล่า ๆ ไปกับการซื้อกระดาษที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่มีใบปลิวโฆษณา และ หนังสือพิมเก่า ๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ประมาณ 2420 พี่น้องตระกูลกูลสก๊อต (Scott) ได้พัฒนากระดาษชำระให้มีปรุขี้นทำให้ง่ายต่อการหยิบใช้ ประกอบกับช่วงนั้นชักโครกเข้ามามีบทบาทด้วยเช่นกัน ทำให้คนมองว่าการตกแต่งห้องน้ำด้วยกระดาษชำระเองก็เข้ากัน และ สวยงาม จึงทำให้เป็นที่นิยมขึ้นมา  

การเถียงกันในเรื่องของกระดาษชำระ  

แน่นอนว่าทุกคนคงจะเคยเห็นการแขวนกระดาษชำระไว้อยู่แล้ว เพราะว่ามีการแขวนแบบเอาปลายไว้ด้านนอก และ ด้านใน ซึ่งการแขวนทั้งสองแบบนี้เรียกว่า Over Orientation และ Under Orientation ซึ่งแต่ละคนก็ชอบการแขวนที่แตกต่างกันจนถึงขนาดที่สหรัฐอเมริกาต้องทำโพลสำรวจเลยว่าคนชอบแบบไหนมากกว่า  

จะเห็นได้ว่าเรื่องของกระดาษชำระ ยังมีเรื่องราวเล็ก ๆ น้อยซ่อนไว้อยู่บ้างไว้ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกเราจะมาพูดถึงเรื่องของ กระดาษชำระ กันให้มากขึ้นดีกว่านะครับ ว่ากระดาษชำระ จะมีเรื่องอะไรอีกบ้าง  

Related Post

ประกันชั้น 3 ราคาถูกสุดๆ

ข้อควรระวังกับประกันภัย 3+ข้อควรระวังกับประกันภัย 3+

ประกันรถยนต์ 3+ ราคาแทบไม่แตกต่างไปจากประกันชั้น 3 ราคาถูกสุดๆเลย แต่ประกันรถยนต์ 3+ จะมีความแตกต่างกับประกันรถยนต์ชั้น 3 ธรรมดา คือเหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความคุ้มครองรถยนต์ของตนเองเพิ่มด้วย เพราะประกันรถยนต์ชั้น 3 นั้น จะให้ความคุ้มครองกับรถของคู่กรณีหรือบุคคลอื่นเมื่อเกิดเหตุเป็นหลัก แต่ประกันรถยนต์ 3+ ราคาสูงขึ้นมาอีกนิดจะได้รับความคุ้มครองรถยนต์ของผู้ขับขี่หรือผู้เอาประกันเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังหากเลือกซื้อประกันรถยนต์ 3+ ราคาถูกนี้ จะใช้อย่างไรให้คุ้มค่า  เนื่องจากประกันรถยนต์ 3+ ราคาถูกนี้จะเน้นคุ้มครองบุคคลอื่นเป็นหลัก ทำให้วงเงินในส่วนของรถที่เอาประกันหรือผลประโยชน์แก่ผู้ขับขี่นั้นมีจำกัด หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นอาจได้รับค่าซ่อมแซมหรือค่าชดเชยไม่ครอบคลุมกับบางกรณี ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนต่างนั้น หรือในกรณีที่ไม่อาจระบุคู่กรณีได้ เช่นการชนสิ่งกีดขวางต่างๆ หรือสิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่รถยนต์ที่ระบุป้ายทะเบียนคู่กรณีได้ ประกันรถยนต์ 3+ จะไม่คุ้มครองค่าเสียหายใดๆ เลย ดังนั้นข้อควรระวังในการทำประกันชั้น 3+ ราคาถูกนี้ คือคุณจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่รถยนต์ที่ไม่ค่อยประสบอุบัติเหตุบ่อยนัก จึงจะใช้ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ได้คุ้มค่า  อีกข้อหนึ่งอีกสิ่งหนึ่งคือ หากคุณทำประกันชั้น 3+ แล้วเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ต่อครั้ง ซึ่งทำให้ค่าเบี้ยประกันที่คุณจ่ายนั้นไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง ประกันรถยนต์ 3+ ราคาที่จ่ายอยู่จึงเป็นราคาที่อาจบวกเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุเพราะความคุ้มครองไม่ได้ครอบคลุมมากพอนั่นเอง ดังนั้นหากคุณพิจารณาประกันรถยนต์ 3+ ราคาเป็นปัจจัยที่โดดเด่นแล้วล่ะก็ ให้เตรียมรับความเสี่ยงนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน  ข้อควรระวังเหล่านี้คือปัจจัยที่จำเป็นต้องนำมาพิจารณาหากเลือกประกัน 3+ แต่หากคุณเพียงแค่ต้องการประกันที่มีไว้เผื่อฉุกเฉินเพราะไม่ได้ใช้รถบ่อยหรือไม่ค่อยพบอุบัติเหตุแล้ว ประกันรถยนต์ 3+ ราคานี้ก็คุ้มค่ากับความคุ้มครองเลยค่ะ 

ตู้เสื้อผ้า

จัดห้องนอนอย่างไรให้หลับสบายจัดห้องนอนอย่างไรให้หลับสบาย

ห้องนอนถือเป็นหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อเรามาก ขอย้ำว่ามากจริงๆ โดยห้องนอนนั้นคือห้องที่เราต้องใช้ในการพักผ่อนร่างของเราหลังจากทำงานหรือทำกิจกรรมมาตลอดทั้งวัน และห้องนอนยังเป็นสถานที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุดในบ้านด้วย อย่างน้อยๆ ก็ 6 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเราใช้เวลาอยู่ในห้องนานมากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวันเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเราใช้ห้องนอนเป็นสถานที่นอนหลับผ่อนคลายดังนั้นห้องนอนจึงควรมีการจัดระเบียบและตกแต่งให้น่าอยู่มากที่สุด เพื่อจะได้เข้ามาแล้วรู้สึกน่านอนและหลับได้สนิท โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการจัดห้องนอนให้น่านอนและหลับสบายตลอดคืนกันว่ามีทริคหรือเทคนิคอย่างไรในการจัดห้องนอนบ้าง วิธีการจัดห้องนอนให้น่าอยู่นอนหลับสบาย ทริคและวิธีในการจัดตกแต่งห้องนอนให้น่าอยู่นั้นก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการจัดห้องนอนให้น่าอยู่ในแบบของเราให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้มาดูกันว่ามีวิธีอย่างไรกันบ้าง เริ่มแรกควรจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ของเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนก่อน ซึ่งอาจจะต้องดูลักษณของห้องนอนว่ามีขนาดเท่าไหร่ หน้าต่างอยู่ตรงไหน ตำแหน่งไหนที่แสงเข้ามา โดยในการจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์นั้นหลายๆคนอาจมีวิธีการจัดตามหลักฮวงจุ้ย แต่หากจะทำตามหลักความสะดวกก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนส่วนมากก็มีไม่มาก จะมีพวกตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะ เป็นต้น โดยเราอาจจัดวางให้ตู้เสื้อผ้าอยู่ในมุมหรือด้านในของห้องนอน ไม่ควรนำตู้เสื้อผ้าอยู่ใกล้กับหน้าต่างเพราะหากฝนตกแล้วเราลืมปิดหน้าต่างตู้เสื้อผ้าอาจได้รับความเสียหายได้ ส่วนตียงควรจัดวางให้หัวเตียงหันไปทางทิศตะวันออกและมีจุดที่รับแสงเพียงพอเพื่อตอนเช้าจะได้ตื่นได้ไว เป็นต้น เมื่อจัดวางตำแหน่งและ position ของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในห้องนอนแล้ว ต่อมาที่ต้องทำคือการจัดการตกแต่งอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน เครื่องนอน และอุปกรณ์อื่นๆ โดยเครื่องนอนต้องเลือกเครื่องนอนที่มีความนุ่มสัมผัสน่านอน ผ้าไม่หยาบกระด้างหรือระคายเคืองผิว ส่วนผ้าม่านนั้นควรเลือกแบบสองชั้นที่มีทั้งทึบและบาง นอกจากนี้อาจมีการนำเทียนหอมหรือธูปหอมมาตั้งไว้ใน้ห้องนอนเพื่อให้ได้รับกลิ่นที่ดีผ่อนคลายก่อนนอนได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดของการจัดห้องนอนให้น่านอนนั้นคือการทำความสะอาด เราต้องหมั่นทำความสะอาดห้องนอนและเครื่องนอนของเราให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้เราหลับได้สบาย

รถ6ล้อรับจ้าง

การคิดราคาของรถ 6 ล้อรับจ้าง คิดยังไงการคิดราคาของรถ 6 ล้อรับจ้าง คิดยังไง

การใช้บริการรถรับจ้างเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวที่ใช้ในการขนย้าย แม้บางคนมีรถก็ใช้ว่าจะกล้าเอามาขนของ เพราะเสี่ยงเกิดความเสียหายได้ ยกตัวอย่างการย้ายบ้าน ที่มีข้าวของเป็นจำนวนมาก รถยนต์ส่วนตัวอาจจะไม่เพียงพอกับการขนบ้าย การใช้บริการรับจ้างจึงสำคัญ และรถรับจ้างที่มีให้บริการก็มีตั้งแต่รถกระบะทั่วไป รถบรรทุก 4 ล้อใหญ่รถ6ล้อรับจ้างและรถสิบล้อ ซึ่งราคาจะแตกต่างกัน แต่ก่อนอื่นนั้นเราจะมาดูเกี่ยวกับเรื่องของราคาค่าบริการของรถรับจ้างกันก่อน ว่าเขาคิดราคาอย่างไร ใช้หลักเกณฑ์อย่างไร เผื่อใครที่อยากใช้บริการจะได้คำนวณถูกว่าจะใช้รถรับจ้างประเภทไหน จึงจะคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด เราได้รวบรวมเอามาไว้ให้ทุกท่านได้ดูกัน ณ ทีนี้แล้ว เกณฑ์การคิดราคาของรถรับจ้าง 1.ระยะทางในการขนส่ง เป็นข้อแรกที่จะใช้ในการคำนวณว่าราคาของการจ้างจะอยู่ที่เท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้วการคิดราคาของรถรับจ้าง จะคิดเป็นกิโล เช่น กิโลเมตรละ 10 บาท